วันพฤหัสบดีที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2559

ความรู้สึก ความนึกคิด เป็นสิ่งที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิด

บทที่แล้วเราได้รู้เกี่ยวกับคำพูดที่ฟังแล้วคนอื่นประทับใจ แต่ในบทนี้ฃอกล่าวถึงคำพูดที่ทำให้คนอื่นรู้สึกไม่ดีกับสิ่งที่เราพูดหรือว่ากล่าวออกไปนั่นเอง ซึ่งเป็นคำพูดที่เราไม่ควรกล่าวหรือออกจากปากของเรา ยกเว้นว่าเราจะทำให้คนที่เราพูดไม่ชอบหน้าเรา คำพูดที่ทำให้คนเสียความรู้สึก หรือรู้สึก'ไม่ดีก็อย่างเช่น“พบนะเก่งกว่าพวกนั้นอีก”ถ้าเป็นในสังคมอื่นๆ คำพูดอย่างนี้อาจจะเป็นคำพูดที่แสดงความมั่นใจในตัวเอง แต่ในสังคมไทยที่ชื่นชอบคนที่อ่อนน้อมถ่อมตนมากกว่า ก็ย่อมจะไม่ชอบคำพูดที่แสดงออกถึงการยกตนข่มท่านอย่างนี้ ไม่ว่าจะเป็น “ทำ'ได้แค่นี้เองเหรอ ถ้าเป็นผมทำได้ดีกว่านี้ครับ” บางครั้งคำพูดเหล่านี้ฟังครั้งแรกอาจจะไม่ได้คิดอะไร แต่หากฟังบ่อยๆคนอื่นก็อาจจะหมั่นไส้และพานไม่ชอบขี้หน้าเอาเสียได้“โหนบาร์ให้กล้ามขึ้น เรื่องแค่นก็ทำไม'ได้,’เราอาจจะเก่งกล้าสามารถ สามารถทำอะไรได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ แต่เราอย่าลืมว่าแต่ละคนนั้นไฝเหมือนกัน มาตรฐานและความสามารถนั้นมีความแตกต่างกัน ด้งนั้นเราจึงไม่ควรเอามาตรฐานของเราไปใช้กับคนอื่น หากว่าเขาทำไฝสำเร็จเราอาจจะยื่นมือเช้าไปช่วยเหลือ หรืออาจจะให้คำปรึกษาแทน เพื่อให้เขารู้สึกดีกับเราและเพื่อให้เขามั่นใจในความสามารถของเขามากขึ้น เพราะหากว่าเราไปว่ากล่าวดูถูกแล้ว นอกจากเขาจะ รู้สึกไฝดีกับเราแล้ว เขายังสูญเสียความมั่นใจในตัวเองอีกด้วย“ดูชุดคุณ...สิ ตลกจังเลย”นอกจากคำพูดที่ดูถูกคู'สนทนาแล้ว การพูดจาดูถูกคนอื่น ก็เป็นการลดเสน่ห์ของเราได้อีกด้วย เพราะคำพูดที่ว่าร้ายผู้อื่นด้วยคำที่น่าเกลียด พลอยทำให้เราดูน่าเกลียดตามคำพูดไปด้วย และหากว่าคู่สนทนาของเราไม่ได้เห็นว่าเราดีไปกว่าคนที่เราดูถูกเท่าไร เขาก็'จะคิดุดูถูก บาร์โหนเพิ่มความสูง หรือว่าค่อนขอดเราได้ ดังนั้นหากว่าเราคิดหัวเราะหรือว่าดูถูกใครในใจก็ให้หยุด และไฝต้องพูดออกมา ส่วนหากว่าใครพูดจาดูถูกให้เราได้ยิน ก็ให้เราควรจะถอยห่าง เพราะคล้อยหลังเราไปเขาก็อาจจะดูถูกหรือว่านินทาเราได้นั่นเอง“ชีวิตพมนะ...”หากว่าเราเอาแต่เล่าประวัติชีวิตของเรา พล่ามยาวตั้งแต่ความ  ยากลำบากในวัยเด็กจนกระทั่งโต ก็ย่อมจะเป็นทีน่าเบือของคนทัวๆไป เพราะไม่มีใครอยากจะรู้ประวัติของเราหรอก เพราะมันไม่น่าสนใจสักเท่าไร ยกเว้นว่าเราจะเป็นดารา หรือว่าบุคคลที่มีชื่อเสียง แต่อย่างไรก็ดี หากว่าเราจะเล่าเรื่องของตัวเองก็ควรจะเป็นเรื่องสั้นๆ ที่สนุกสนานหรืออยู่ในหัวฃ้อที่พูดคุยกันอยู่จะดีกว่า หรืออาจจะเล่าเมื่อมีคนสนใจถาม บาร์โหนเหล็ก ก็จะเป็นการดีกว่า และอย่าผูกขาดการสนทนาเพียงลำพัง เพราะจะทำให้คู่สนทนาเกิดความเบื่อหน่ายได้คำพูดต่างๆ เหล่านี้นอกจากจะเป็นคำพูดที่ขาดเสน่ห์แล้ว ยังเป็นคำพูดที่ไล่คนอีกต่างหาก เพราะหากว่าเราพูดอย่างนี้บ่อยเข้า ก็จะกลายเป็นว่าไม่มีใครจะมายุ่งกล้ามเนื้อหรือว่าอยากจะพูดคุยด้วย ทางที่ดีเราควรหลีกเลี่ยงการพูดดังที่กล่าวมาจะดีกว่า


                                              
ขายบาร์โหนราคาถูก

วันอังคารที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2559

การปลดปล่อยดวงวิญญาณ ด้วยคาถาอาคม อันศักดิ์สิทธ์







เมื่อดวงวิญญาณทหารลาวนิรนามยังไม่ยอมไปเกิด จึงเกิดเรื่องชวนขนลุกพองสยองขวัญขึ้น กรรมจึงมาตกที่ชาวโคราชละแวกนั้น เมื่อมาจับกบจับเขียดและปลาที่ทุ่งส้มฤทธ งานเข้าแล้วเจอผีฑหารลาวนิรนามปรากฏตัวหลอกในรูปลักษณ์ที่ต่างกันไปตามแต่ผีตนไหนจะตายอย่างไร อาทิเช่น
ผีบางตนคอขาดห้อยร่องแร่ง
ผีบางตนคอขาดสะบั้น เหลือแต่ตัว
ผีบางตนแขนขาด ขาขาด
ผีบางตนไส้ทะลักออกมาห้อยร่องแร่ง
ผีบางตนดาบและหอกยังปักอยู่บนตัวเลือดเกรอะกรัง
ผีบางตนตาถลนออกมานอกเบ้า
ผี เชือกกระโดดราคาถูก

และลักษณะอื่นๆ เป็นตัน สุดจะที่พรรณนาอธิบายได้ผีทหารลาวนิรนามแต่ละตน บ่งบอกถึงความเคียดแค้นคนไทยมาก ส่งเสียงคำรามขู่จะเอาชีวิตชาวบ้านที่มาจับกบจับเขียดในบริเวณทุ่งส้มฤทธ แค่ปรากฏตัวหลอกชาวบ้านก็กลัวขี้หดตดหายกันแล้ว นี่ยังมาขู่คำรามจะฆ่าทุกคน ที่เข้ามาในทุ่งล้มฤทธี้หมดทุกราย ทำเอาชาวบ้านพากันแตกฮือ วิ่งหนีผีทหารลาวนิรนามสุดชีวิต สะดุดขาตัวเองบ้าง สะดุดสิ่งกีดขวางหกล้ม ล้มลุกคลุกคลาน นอนแช่นํ้าฝนอลหม่านแต่ชาวบ้านทุกคนก็รอดกลับบ้านได้ไม่มีใครถูกผีทหารลาวนิรนามฆ่าล้กราย แต่ถึงกระนั้นชาวบ้านก็ไม่เข็ดหลาบ แม้จะมีความกลัวผีมากแค่ไหนก็ตาม แต่เพื่อปากท้องของตนและครอบครัวจำต้องเสี่ยงชีวิต ไปจับกบจับเขียดที่ทุ่งล้มฤทธิ้กันอยู่ หลังจากที่เคย
โดน ลดน้ำหนัก ผีหลอกที่ทุ่งล้มฤฑขี้ คราวนี้ทุกคนป้องกันตัวดี มีพระเครื่องและเครื่องรางของขลังพกติดตัวไปด้วย เพื่อป้องกันผีหลอกนั้นเองและบางคืนซาวบ้านจะไม่เห็นตัวตนของผีทหารลาวนิรนามปรากฏตัว แต่จะได้ยินเสียงการต่อสู้กัน

พร้อมกับเสียงร้องครวญคราง เชือกกระโดดไร้สาย โหยหวนตังแว่วมา ชาวบ้านต้องคอยระวังตัวตลอดเวลาที่อยู่ในทุ่งล้มฤฑธิ้หากเผลอเมื่อไรอาจมีผีฑหารลาวนิรนาม มายืนแหกปากฉีกหน้าอกหลอกกันจะจะ มีหวังเป็นลมสลบแน่ แม้จะมีของดีคุ้มกันตัวก็ตาม ถ้าผีม้นจะหน้าด้านหลอกเสียอย่าง ย่อมหนีไม่พ้นเงื้อมมือมันแน่ ทางที่ดีควรระวังตัวไว้จะเหมาะดีนักลุงชัยเล่าว่า มีอยู่คืนหนึ่งแกกับปัาเปงไปจับกบจับเขียดที่ทุ่งสัมฤฑธิ้ มีเพื่อนบ้านไปด้วยกันหลายสิบคน คนเยอะ1ขนาดนี้ผี'ไม่น่าจะกล้าหลอกแน่ๆ นั่นเป็นความคิดของแกกับเพื่อนบ้าน จึงพากันยกโขยงไปเป็นหมู่คณะมีอะไรจะได้ช่วยกันได้ปรากฏว่าพอเจอผีหลอกกันจริงๆ ต่างคนต่างวิ่งหนีกันเอาตัวรอด เชือกกระโดดนับรอบ  แกกับเมียวิ่งหนีกันสุดชีวิต ไม่มีครั้งไหนจะวิ่งเร็วเท่าครั้งนี้นึ่แค่มันมาปรากฏยืนอยู่เฉยๆ ยังไม่ได้ลงมือหลอก ยังขวัญหนีดีฝ่อวิ่งหนีกันจ้าละหวั่น ผีที่ทุ่งสัมฤทธิ้เฮี้ยนสุดๆ ใครไปตอนกลางคืนเจอดีโดนหลอกทุกราย แม้แต่พระสงฆ์จากแดนไกลมาปักกลด ที่ทุ่งล้มฤฑธี้ยังเจอดีโดนผีทหารลาวนิรนามหลอกเรื่องนี้แก'ไม่เคยเห็นพระโดนผีที่ทุ่งสัมฤทธิ้'หลอก หากแต่ได้ยินเพื่อนบ้านที่เห็นนำมาเล่าให้ฟัง เท็จจริงประการใดนั่นแกฟังหูไว้หูลุงชัยเล่าว่า มีพระชื่อหลวงพี่บุญถา ถาวรโร เป็นพระมาจากบ้านเหล่าสวนปอ อำเภออ้อมน้อย

 (ปัจจุบันเป็นอำเภอเกษตรวิสัย) จังหวัดร้อยเอ็ดอาวุธสามัญท่านเดินธุดงค์รอนแรมมาหาสัจธรรม และปลีกวิเวกหาความสงบแก่ชีวิตของกิจของสงฆ์ มายังเป้าหมายคือเทือกเขาดงพญาเย็นสมัยนั่น ใช้เวลาเดินทางรอนแรมจากวัดบ้านเกิดมาจังหวัดโคราชหลายเพลา จนมามืดคาที่ทุ่งสัมฤทธแดน มิคสัญญี สถานที่เคยเป็นสนามรบ  ระหว่างคนโคราชกับทหารลาว จากเวียงจันทน์ มีศพทั้งสองฝ่ายล้มตายเกลื่อนทุ่งล้มฤทธ หลวงพี่บุญถาได้ปักกลดอยู่ ที่ทุ่งล้มฤทธึ๋ตามลำพังรูปเดียวเลย ๓ ทุ่มไปเท่านั้นแหละได้เรื่อง หลวงพี่บุญถางานเข้าเกิดอาเพศอาถรรพณ์ขึ้น อยู่ๆ มีลมพัดกระโชกมาแรงมาก จนกลดที่ปักไว้แทบจะหลุดลอยไปตามลม พร้อมกับมีเสียงประหลาดร้องครวญครางโหยหวนมากับสายลม ท่านมองออกไปข้างนอกกลด เชือกกระโดดสีชมพู ห่างกันหลายสิบวา เห็นเงาตะคุ่มจำนวนมากยืนออกันอยู่ หลวงพี่บุญถาเห็นเงาเหล่านั้นย้งขนลุกเกรียว จากประสบการณ์ที่ท่านเจอเรื่องเลวร้ายมานับไม่ถ้วนย่อมจะรู้ดีว่า ลมและเสียงลึกลับนี้ไม่ได้เกิดจากธรรมชาติ หากแต่เกิดจากอำนาจของภูตผีวิญญาณสำแดงเดชให้ปรากฏท่านต้องหยุดยั้งอำนาจลึกลับนี้ให้สงบจงได้ จึงนั่งสมาธิแผ่เมตตาจิตไปให้พวกเขา แต่พวกเขายังมิยอมหยุดกระทำ ยังคงโหมกระหนั้าฤทธี้เดชถาโถม1ใส่ท่านอีก แผ่เมตตาจิตก็แล้ว อุทิศส่วนกุศลให้ก็แล้ว ยังรังควานกันอีก ท่านจึงตัดสินใจใชไม้ตาย บริกรรมพระเวทหลายบทจนครบคาบ จึงเป่าลมปราณอาคมไปรอบๆ ตัวเท่านั้นแหละมีเสียงร้องโอดโอย เหมือนจะได้รับบาดเจ็บ ก่อนเสียงเหล่านั้นจะจางหายไป บัดนั้นบริเวณรอบกลดในทุ่งล้มฤทธิ้ เหลือแต่ความเงียบสงบมาแทน

วิธีกระโดดเชือก