วันอาทิตย์ที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

การก่อตัวของคำบัญชาในตำแหน่งคอลีฟะฮ์ที่สะกีฟะฮ์ ตอนที่ 1









ชีวิตที่ได้รับความโปรดปรานและยังคุณประโยชน์ของท่านศาสนทูตผู้สูงส่งในแต่ละชั่วขณะนั้น เต็มไปด้วยการปฏิบัติที่รุ่งโรจน์จนมาถึงจุดสิ้นสุดยุติ ผู้สถาปนาที่ยิงใหญ่แห่งอิสลาม ผู้เป็นดวงวิญญาณแห่งโลก ผู้ช่วยเหลือมนุษยชาติให้รอดพ้น ได้อำลาชีวิตและจากไปสู่ปริมณฑลอันเป็นนิรันดรการจากไปของท่านทำให้สัมพันธ์ระหว่างการวิวรณ์กับโลกนี้ถูกตัดขาดลงและการสำแดงออกแห่งสรวงสวรรค์ของสิ่งมีชีวิตที่ได้รับความโปรดปรานซึ่งได้รับการบันทึกไว้เหนือพลังอำนาจของมนุษย์นั้นได้จางหายไปตลอดกาลขอให้พระเจ้าทรงโปรดประทานพรแด,ท่านและครอบครัวด้วยเทอญร่างอันปริสุทธิ้ของท่านยังไม่ทันได้ฝังอะลีและสมาชิกในตระกูลบนีฮาชิมและสาวกจำนวนน้อยนิดของท่านศาสดา

กำลังสาละวนอยู่กับการอาบน้ำศพของท่านเพื่อเตรียมการฝังศพ พวกเขาและพวกเขากลุ่มเดียวเท่านั้นที่วุ่นอยู่กับกระแสลมที่พัดครั้งใหญ่และหน้าที่เร่งด่วนที่พวกเขาต้องกระทำ ณแทบจะเวลาเดียวกัน กลุ่มของผู้ช่วยเหลือ(อันศอร) ได้จัดการประชุมขึ้น ณ สถานที่ใกล้ๆ กันรู้จักในชื่อสะกีฟะฮ์ อัล บะนืซะดียะฮ์ เพื่อจัดการ  เรื่องผู้สืบทอดของท่านศาสดาให้สอดคล้องกับความต้องการของพวกเขาอยู่อุมัรจึงรีบส่งสารไปยังอบูบักร ซึ่งขณะนั้นอยู่ที่บ้านของท่านศาสดาแจ้งข่าวให้เขาไปสมทบ อบูบักรตระหนักว่าบางสิ่งที่สำคัญกำลังจะเกิดขึ้น จึงรีบออกจากบ้านท่านศาสดาพร้อมด้วยอุมัรมายังสถานที,ประชุมของผู้ช่วยเหลือโดยสมทบกับอบูอุบัยดะฮ์อัลญัรรอฮ์ ระหว่างทาง อะฮ์มัด อะมีน นักเขียนชุนนีชาวอียิปต์ผู้มีชื่อเสียงซึ่งมีทัศนะคติเป็นลบต่อชีอะฮํถึงขั้นรุนแรง ขายบาร์โหนออกกำลังกาย เขียนไว้ดังต่อไปนี้ว่า"สาวกของท่านศาสดามีหมางใจเกี่ยวกับคำถามของผู้สืบทอด เป็นสัญลักษณ์ความไม่น่าเคารพที่รื่มโต้เถียงกันเกี่ยวกับเรื่องนี้ทั้งที่ร่างของท่านยังไม่ได้รับการฝัง มีเพียงอะลี บุตรอบีฏอลิบเท่านั้นที่ไม่ได้กระทำไปตามนั้นแต่สาละวนอยู่กับการอาบนั้าชำระร่างกาย ห่อและฝังร่างของท่าน สาวกขั้นนำของท่านศาสดาล้วนแล้วแต่คบคิดกันเกี่ยวกับตำแหน่งผู้สืบทอด พวกเขาละทิ้งร่างของท่านศาสดา และไม่มีใครปรากฏตัว ณ สถานที่ฝังศพ หรือแสดงความคารวะใดๆ ต่อผู้ที่นำทางและนำพวกเขาออกจากความมืดมนและความเขลา ยกเว้นอะลี บุตรอบีฏอลิบและครอบครัวของท่าน พวกเขาไม่แม้แต่จะรอการฝังศพให้เกิดขึ้นก่อนจะเริ่มการต่อล้ซึ่งกันและกัน"







 ในที่สุดกลุ่มต่างๆ ต่างก็ไปไกลในการในการโต้เถียงในส่วนของตนที่สะถีฟะฮ์บรรดาผู้ช่วยเหลืออ้างอภิลิทธิ้ที่ต้องยอมรับที่พวกเขาเป็นผู้ล้ำหน้ากว่าผู้อื่นในอิสลามได้รับการให้เกียรติจากท่านศาลนทูตแห่งพระเจ้าและต่อล้อย่างหนักเพื่ออิสลาม จากสิ่งนี้พวกเขาจึงอ้างตำแหน่งผู้นำ พวกเขาแนะนำว่าบังเหียนผู้นำควรจะมอบให้สะอัด บุตรอุบาดะฮ์และตัวเขาถูกนำมายังสะถีฟะฮ์ถึงแม้ว่าจะปวยก็ตามในกรณีคล้ายกันบรรดาผู้อพยพอ้างว่า พวกเขาคือผู้ที่สมควรได้รับตำแหน่งผู้นำมากที่สุดโดยให้ข้อเท็จจริงว่าพวกเขามาจากเมืองเดียวกับท่านศาสดาและละทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างมา เพื่ออิสลาม และท่านศาสดาตรรกะของทั้งสองกลุ่มได้รับมาจากส่วนที่ขาดเสียไม,ได้ของจิตวิญญาณประจำเผ่า โดยที่พวกเขาตัดสินใจให้ใต้มาซึ่งอำนาจผูกขาดสำหรับตัวเอง ขับคู่ต่อ!ของตนออกไป และประณามว่ามีความเหมาะสมน้อยกว่า การโต้เถียงยังคงดำเนินต่อไป และเปลี่ยนเป็นความขัดแย้งที่รุนแรงกลุ่มที่นำโดยอุม้รสนับลนุนการกล่าวอ้างของอบูบักร กระตุ้นทุกคนให้อนุญาตให้เขาให้สัตยบันและฃ่มขู่ทุกคนที่ต่อต้านเขาดังนั้นอบูบักรจึงยืนขึ้นและเรํ่มอธิบายคุณความดีของบรรดาผู้อพยพและการรับใช้ที่พวกเขาปฏิบัติ"ผู้อพยพคือกลุ่มแรกที่เข้ารับอิสลาม บาร์โหนเพิ่มกล้าม แม้ประสบกับสภาวะการณ์ที่ยากลำบาก ก็ยังคงรักษาการนับถือพระเจ้าองค์เดียวไว้ แม้ว่าจะมีความกดดันจากกพวกตั้งภาคีก็ตาม โดยทั่วไปไม่ควรจะลืมว่าท่านทั้งหลาย โอ้บรรดาผู้ช่วย เหลือ เอ๋ย ก็ได้ให้การช่วยเหลืออิสลามอย่างยิ่งใหญ่ และหลังจากบรรดาสาวกของท่านศาสดา พวกท่านคือผู้ที่มีฐานันดรสูงสุดเหนือผู้อื่น" เขาเสริมว่า "เราจึงต้องเป็นผู้ปกครอง (อุมารออ) และพวกท่านเป็นผู้ช่วยเหลือ (วุซะรออ์)"ฮุบาบ บุตร มุนซิร จึงยืนขึ้นแล้วกล่าวว่า "โอ้บรรดาผู้ช่วยเหลือ พวกท่านจะต้องฉวยเอาบังเหียนแห่งอำนาจไว้ให้มั่นคง เพื่อว่าจะ1ไม่มีผู้ใดสามารถต่อต้านพวกท่านได้ ถ้าท่านยอมให้มีความขัดแย้งในหมู่พวกท่านพวกท่านจะฟายแพ้ ด้วยเหตุผลว่า ถ้าพวกท่านเลือกผู้นำของพวกท่านพวกเขาก็จะเลือกผู้นำของพวกเขา"จากคำพูดนี้อุมัรตอบ'ว่า "ไม,สามารถมีผู้นำสองคนในอาณาจักรเดียวฉันขอลาบานต่อพระเจ้าว่าอาหรับจะไม่มีวันยอมที่จะถูกปกครองโดยท่านเนื่องจากท่านศาสดาไม่ได้มาจากพวกท่าน การอ้างเหตุผลของเรามีความ   แข็งแรงและชัดเจน เราคือสาวกของฟานศาสดา ศาสนาอิสลาม ดังนั้นใครเล่าจะต่อต้านเรานอกจากผู้ที่เลือกหนทางอันผิดพลาดหรือหวังที่จะขว้างตัวเองลงไปในวังนั้าวนแห่งความหายนะ"ฮุบาบ บุตรมุนซิร จึงยืนขึ้นอีกครั้งหนึ่งและกล่าวว่า "อย่าให้ความสนใจในสิ่งที่ชายผู้นี้พูด พวกเขาต้องการช่วงชิงสิทธิ้และปฏิเสธข้ออ้างของพวกท่าน จงยึดบังเหียนของอำนาจไว้ในมือพวกท่าน และขับไล่ฝ่ายต่อต้านพวกท่านไป ด้วยพวกท่านมีความเหมาะสมที่สุดที่จะปกครอง ถ้าผู้ใดต่อต้านการนำเสนอของฉัน ฉันจะควาเขาเสียด้วยดาบของฉัน" จากนั้นอุมัรัได้เข้ามาปล้ำกับเขาและเตะเข้าอย่างแรงที่ท้อง บะชีร บุตรสะอัด ญาติของสะอัด บุตรอุบาดะฮ์ลุกขึ้นกล่าวสนับสนุนสิ่งที่อุมัรกล่าว โดยกล่าวกับบรรดาผู้ช่วยเหลือว่า "เป็นความจริงที่ว่าสถิติในการต่อส์ในหนทางของพระเจ้าและการแผ่ขยายอิสลามของเรามีความเหนือกว่า อย่าง1ไรก็ตามเรามิ1ได้มี1วัตถุประสงค์อื่น'ใด นอกจากความโปรดปรานของพระเจ้า และความพึงพอใจของท่านศาสดาแห่งพระองค์ และเพราะฉะนั้นจึงไม่เหมาะสมที่เราจะประกาศนำหน้าผู้อื่น บาร์โหนเหล็ก  เนื่องจากเราไม่มีวัตถุประสงค์ทางโลก ท่านศาสดามาจากตระกูลกุเรช เพราะฉะนั้นจึงเป็นที่เหมาะสมที่ผู้สืบทอดของท่าน จะอยู่ในหมู่พวกเขา จงเกรงกลัวพระเจ้าและอย่าต่อต้านหรือโต้เถียงพวกเขา',หลังการอภิปรายถกเถียงกันต่อมาอีกระยะหนึ่ง อบูบักรได้กล่าวกับประชาชนดังต่อไปนี้"จงหลีกเลี่ยงความขัดแย้งและการแตกแยก ฉันไม่ต้องการสิ่งใดนอกจากความกินดีอยู่ดีและมั่นคงในชีวิตของพวกท่าน เป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่จะให้สัตยาบันของท่านแก่อุมัร หรืออบูอุบัยดะฮ์"อย่างไรก็ตามจากข้อเสนอนี้ อุมัรคัดค้านว่า

 "ท่านมีความน่าสรรเสริญในการปกครองมากว่าเรา ด้วยท่านมีความล้าหน้าเราเสมอในการดำเนินตามท่านศาสดา นอกจากนี้ แหล่งทรัพย์สินของท่านยังมีมากมายกว่าพวกเราทั้งหมด ท่านอยู่เคียงข้างท่านศาสดาในถํ้าภูเขาซูร และท่านนำละมาดแทนท่าน ทั้งหมดนี้ ใครอีกเล่าจะจินตนาการว่ามีความเหมาะสมมากกว่าท่าน ในการเป็นผู้ปครองเหนือเรา"หลังจากนั้นอับดุรเราะฮ์มาน บุตรเอาวฟ้ได้นำเสนอทัศนะของตัวเองดังต่อไปนี้"โอ้บรรดาผู้ช่วยเหลือ จรงๆ แล้วพวกท่านมีคุณสมบัติแห่งคุณงามความดีมากมาย ซึ่งไม่มีใครสามารถปฏิเสธได้ อย่างไรก็ตามพวกท่านต้องยอมรับว่าในหมู่สาวกของท่านศาสดาไม,มีใครลํ้าหน้าอบูบบักรอุมัรและอะลี"มุนซิรบุตรอัรกอมสนับสนุนทัศนะของเขา"ไม่ใครสามารถปฏิเสธคุณงามความดีของทั้งสามคนได้ และมีหนึ่งในสามคนที่ไม่มีใครต่อต้านเขาได้เป็นผู้ได้รับการสันนิษฐานว่าเป็นผู้นำแห่งประชาคมมุสลิม " ด้วยคำพูดนี้เขาหมายถึงอะลื บุตรอบีฏอลิบ และกลุ่มของผู้ช่วยเหลือ มีการประกาศที่สอดคล้องกันว่า "เราจะไม่ให้สัตยาบันใครนอกจากต่ออะลี" อุมัรเคยระลึกว่า การประกาศนี้ทำให้เขากลัวความไม่เห็นด้วยอย่างรุนแรงเป็นระลอก "ดังนั้นฉันจึงบอกอบูบักรให้นำมือมาให้ฉันลับเพื่อให้ลัตยาบัน"  บาร์โหนยืดตัว โดยปราศจากการรั้งรออบูบักรได้ยื่นมือออกมา ในตอนแรกบะซีร บุตรสะอัดก้าวออกมาข้างหน้าลับมือเขาและให้สัตยาบัน และอุมัรเป็นผู้ให้สัตยาบันคนต่อมา จากนั้นคนอื่นๆ จึงรีบเร่งออกมาและให้สัตยบันต่ออบูบักร ในขณะที่เหตุการณ์นี้ดำเนินไป การโต้เถียงระหว่างอุมัรกับสะอัดบุตรอุบาดะฮ์ก็เกิดขึ้น ทำให้อบูบักรตระหนักถึงความจำเป็นจะต้องทำให้อุมัรประกาศตัวเขาเอง สะอัดบอกให้พรรคพวกนำตัวเขาออกไป ดังนั้นพวกขาจึงแบกสะอัดออกกลับไปบ้าน

บาร์โหนสำเร็จรูป