วันอังคารที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2559

อาการปวดหลังแก้ได้ง่ายๆ เพียงแค่โหนบาร์วันละ 2 ครั้ง


ผมเดินโซเซออกจากห้องอาหารทั้งเมาเหล้าและเมารัก ผมเดินคุยคนเดียวเหมือนคนบ้าแกล้งดี พูดถึงคีนุชุโ'ว่าเธอน่ารักอย่างนั้นสวยอย่างนี้ ให้เสาไฟฟ้าพยักพเยิดกับสัญญาณจราจรอย่างอารมณ์ดี จนถึงจะกลับไปแต่งบทกวีให้เธอที่บ้าน ความรักของผมเกิดง่ายยิ่งกว่าเชื้อหวัด เพราะหัวใจผมเป็นโรคภูมิแพ้ผู้หญิงสวย ผมหลงรักเธอเต็มเปาแล้วเธอบอกผมว่ามาบ่อย ๆนะ  เพราะผมคุยสนุกดี ไม่เหมือนคนอื่นที่คุยแต่เรื่องน่าเบื่อ มีผมคนเดียวที่หาเรื่องประหลาดมาคุย นี้ถ้าผมบอกว่าผมเคยเห็นจานผีเธอจะเชื่อไหมหนอ...ผมจึงเก็บเรื่องราวจานผีไว้ก่อน...จากนั้นก็ซมซานกลับมาไขกุญแจหอพัก

อาบนั้าอาบท่าเสร็จผมโรยแป้งชนิดแพงแล้วแพงอีกซึ่งเป็นของเพื่อนๆที่แวะมาค้างด้วยทิ้งไว้มานั้งลำดับหน้าตาคีนุข ผมพยายามนึกถึงค้าแปลชื่อ คีนุช จะแปลว่าอะไรนะ...นางฟ้าแห่งดนตรี หรือจะแปลว่า ผู้มีงวงเหมือนช้าง เพราะผมพบผู้หญิงคนหนึ่ง ชื่อเธอแปลว่า ผู้มืรากแก้วอันประเสริฐซึ่งผมก็สงสัยเหมือนกันว่าสมีวัดไหนทั้งให้ ผมนั้งรำพึงรำพันจนเบื่อ จึงหยิบปากกาขีดเขียนบทกวีถึงคีนุซรักเรื่อยเ!!เอย(ไม่งอก)  ผมเขียนเสร็จแล้วลองอ่านดู รู้สึกว่าเข้าที มีทั้งสัญลักษณ์และความหมายช่อนอยู่ เธอจะรู้ไหมว่าผมใช้ บาร์โหนออกกำลังกาย หัวใจกลั่นออกมาจากก้นบึ้งเชียว...ผมเดาว่า เวลาเธอได้รับบทกวีนี้ เธอจะต้องทำตาวาวเหมือนนางเนี้อทรายเพิ่งตื่นนอน และอุทานอย่างปลาบปลื้ม...อาจจะยกมือทาบอกอย่างชื่นมื่น...แต่...ถ้ามีแต่...แสดงว่ามันไม่เป็นไปตาม...ด้งนั้นและด้งนี้ แต่จะเป็นด้งโน้นคือ คีนุช หัวเราะท้องคัดท้องแข็งจนน่าเป็นห่วงไส้ติ่งว่าจะแกว่งแรงไปจนเกิดอักเสบขึ้นมา เมื่อผมแวะเข้าไปนั้งตื่มคอยเธอ เธอหัวเราะราวกับว่าดีใจที่ก้งเธอเดินทางมากับเรือญวนอพยพเที่ยวล่าสุด หรือว่าคุณยายเธอสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ ขณะที่ผมหน้าเขียวเป็นพระอินทร์ท้องเสียเพราะความในใจที่ผมนั้งคิดเค้นทั้งคืนอย่างละเอียดอ่อนกลายเป็นเรื่องตลกสำหรับเธอ...แต่(แต่อีกแล้ว) ทุกสิ่งกลับดีเกินคาดเธอชอบบทกวีนี้มาก เธอบอกว่ามันแปลกดี ดีกว่าอ่านจดหมายรักนั้าเน่ารักเรื่อย    

หรือเรื่องหวานจํอย เธอชักเห็นรูปทอง(เหลือง) ในตัวผมแล้วเธอเดาว่า บาร์โหนราคา อนาคตผมต้องได้เป็นกวีเอกสมใจ เพราะเรื่องรักๆซึ้ง ๆผมย้งเขียนออกมาเป็นเรื่องตลกไต้ ผมทำหน้าเหมือนปลากระตี่เลียนแบบเรือดำนํ้า เพราะไม่ทราบว่า เธอชมหรือประชดกันแน่ แต่ผมยิ้มรับไว้ก่อน    จากนั้นความสัมพันธ์ของเราก็แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นไป-มาหาสู่กันบ่อยครั้ง บางทีเธอเลิกจากร้องเพลงก็ไปนั้งกินข้าวต้มกุ๊ยข้าวต้มจิ๊กโก่หยอดตู้เพลงพังเป็นการเปลี่ยนบรรยากาศหรือหาหนังผีโหดๆดูสักเรื่อง เพื่อเพิ่มความใกล้ชิด เวลาผีโผล่ออกมาจากจอเธอจะไต้ผวามาซุกอกผม เผอิญเธอใจแข็งผมเลยต้องแกล้งใจอ่อนผวาไปทางเธอบ่อยๆ ผมไม่รู้หรอกว่า คนมีความรักจะเป็นอย่างนี้หรือเปล่า ผมยังกินและถ่ายไต้ตามปกติ แต่อาการทางจิตเปลี่ยนไป หมั่นอาบนํ้าบ่อยขึ้นและนานกว่าปกติ รู้จักซื้อแป้งหอมราคาถูก ทาแล้วเย็นทั้งจันทั้งคืน ผมก็ทาก่อนออกจากบ้าน ตัดผมเผ้าเรียบร้อย ซักเสื้อรักเรื่อยเปีอย(ไม่งอท)  ผ้าบ่อยขึ้น ยามว่างก็ผิวปากเพลงรักกล่อมใจต้วเอง ไม่โกรธง่ายแม้รถเมล์จะแถมให้สองป้าย หรือสั่งผัดไทยแล้วได้ราดหน้า ผมใจเย็นเป็นชาวเอสกิโมรอนำแข็งละลายในท่ามกลางหิมะ จิกโกเขวก็หันไปยิ้มขอบคุณมัน ทั้งที่มันชมว่าผมเดินกวนตีนมัน...ตั้งแต่ผมมีความรักแรกพบ โลกเป็นสีฟ้าสดใส มองทางไหนก็งดงามไปหมด ถ้า'ให้ผมชิมนํ้าปลาต่อหน้าตีนุช ผมต้องว่าออกรสหวานแน่เลย เพราะคนมีความรักย่อมทำอะไรไม่น่าเกลียด แม้จะโหนบาร์เพิ่มกล้าม แกล้งทำบ้าก็ดูดีและน่าเอ็นดูผมรักคีนได้สามเดือน รายได้ของผมหมดไปกับค่านั่งกินอาหารในร้านที่เธอร้องเพลงจนวันหลังๆ ผมอยากสั่งนํ้าเปล่าหรือเมนูมาอ่านเป็นทำนองเสนาะเล่น ส่วน คีนุชก็ได้บทกวีจากผมไปร่วมพันบท เพราะเขียนความในใจได้คืนละมากๆ แล้วก็ขนมาให้เธอ และทุกครั้งเธอก็จะซาบซึ้งหัวเราะบ้างกับบทกวีเหล่านั่น หัวใจผมพองโตยิ่งกว่าอึ่งอ่างตัวท้องแตกตายในนิทานอีสป เมื่อเหินความรักก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็วขณะที่รายจ่ายวิ่งตามมาติดๆ และผมเองกำลังปรับตัวให้เข้ากับคีนุข ผมเริ่มจากการห้ดรัองเพลง แรกๆที่เริ่มหดร้องก็พอทำเนา แต่บางครั้งก็มีเสียงลอยผ่านลมมาว่า“ก้างตำคอหมาตัวไหนวะ”ผมเลยเจียมเนื้อเจียมตัวในหลอดเสียงและลิ้นไก่ของตัวเอง ครั้นจะเอาดีทางกีตาร์หรือออร์แกนก็แพงระยับเวลาเล่นก็ลำบาก ผมจึงใช้เครื่องดนตรีง่ายๆ คือ ผิวปากก็ได้ผลดีคือผิวเป็นเพลง แต่คีนุชไม่ชอบรีโกเรื่อยเปอย(ไม่งอก)

“การผิวปากเป็นการทำลายล้างความสุนทรีย์ทางหูที่เลวร้ายพอๆกับปรมาณู”เธอกล่าวอย่างเคร่งเครียด ผมจึงสงบจิตใจเลิกคิดเอาดีทางผิวปากหันมาเขียนบทกวีต่อไปพร้อมกบรักเธอรักแท้ย่อมไม่มีวันละลาย รักของควายย่อมไม่มีวันอ่อนแอฉ้นใด รักอมตะที่ผมคิดว่า...มัน...(ผมก้บ1คินุซ)จะอยู่ยงคงกระพ้น อยู่ก้บจนเหนียงยานไปข้างก็พ้งทลายอย่างไม,น่าเชื่อฉ้นนั้น...ให้นาฬิกาเมืองกรีนิชเดินไม่ตรงเท่าเวลาที่ร้านก็วยเดี๋ยว ผมยังไม่อยากเชื่อมากกว่า...มากกว่าจะเห็นการ์ดสีชมพูสวย หอมกลิ่นลูกกวาด ซึ่งเป็นชื่อคีนุชกับไอ้กร๊วกที่ไหนไม่รู้บอกสถานที่แต่งงานเรียบร้อยในอีกไม่กี่วัน“นุชร้กพี่ แต่นุชต้องแต่งงานกับเค้า เพราะแต่งแล้วเค้าจะไปอยู่อเมริกา นุชจะไค้เรียนต่อตามที่ปรารถนา...พี่คงเข้าใจนุช ความรักเป็นสิ่งดี ให้มันอยู่ในใจเราสองคน อย่าทำลายมัน ให้มันเป็นพลังเงียบให้เราต่อสู้ต่อไป...ส่วนการจากพรากทางกาย พี่อย่าให้ความสำคัญกับมัน...รักแทํไม่มีวันละลายหรอกค่ะ”เธอพูดปลอบโยนผมในคืนสุดท้ายที่พบกันผมนํ้าตารื้น...เพลง“คึกบางระจ้น” ไม่ทำให้สุขภาพจิตผมดีขึ้นได้ แต่ทำให้ผมมืมานะจะเขียนบทกวีต่อไปเขียนไปจนกว่าผมจะได้เป็นกวีเอก หรือจนกว่า คาริล ยิบรานจะฬินขึ้นมาอ่านงานของผมด้วยความทึ่งในความสามารถจวบจนบัดนี้ คีนุช ก็ยังไม่กลับจากอเมริการกเรื่อยเ!)อย(ไม่งอก)  ความร้กของเธอคงไม่ละลายเพราะที่นั่นหนาวแต่สำหรับผมไม่ว่าอากาศเมืองไทยจะร้อนจนร้งแคสุกความรักครั้งแรกก็จะไม่มืวันระเหยไปไหน...แม้ว่าสิงที่พรากคีนุชไปคือฐานะการเงิน บาร์โหนติดประตู ผมเสียรักเพราะจน เสียคนเพราะอยากเป็นกวี ผมก็ตั้งหน้าตั้งตาเป็นกวีต่อไปแม้จะยืนอยู่คนละข้างกับเงินก็ช่างเถอะ...ทั้งที่ถูกที่ควรผมควรจะวางปากกาและบินไปซาอุฯ ก่อร่างสร้างต้วเพื่อฅีนุช มากกว่าจะมาบ้าจะเป็นกวีที่ห้าชาติอย่างนี้...


บาร์โหน

วันจันทร์ที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

วิธีโหนบาร์ที่ถูกต้อง และ ทำอย่างไรให้สูง




การจะระบุบอกภาวะสุขภาพของเส้นทางการย่อยอาหาร อาจจะจำเป็นต้องอาศัยความช่วยเหลือของแพทย์ที่มีแนวคิดโน้มไปในทางการคิดแบบองค์รวมมีบริษัทต่าง ๆ ที่เชี่ยวชาญในการตรวจหาปัญหาในเส้นทางเดินอาหารที่ไม่ค่อยแข็งขันในการต่อสู้กับเชื้อโรคอยู่ ซึ่งจะไปติดต่อใช้บริการการวินิจฉัยได้ แต่ถ้าหากว่าไม่สามารถหาความช่วยเหลือจากมืออาชีพได้ ก็ลองใช้เคล็ดบางประการตังต่อไปนี้ ช่วยในการบอกให้รู้ว่า คุณมีปัญหาการย่อยหรือไม่ ถ้าหากว่าเส้นทางเดินอาหารของคุณทำงานด้วยดี คุณจะต้องมีa ความรู้สึกว่าท้องว่างหลังรับประทานอาหาร 30-60 นาทีa ไม่มีแก๊สหรือรู้สึกอึดอัดแน่นท้องo ถ่ายอุจจาระที่นุ่มเป็นประจำทุกวัน โดยที่อุจจาระไม่มีลักษณะเป็นมันเยิ้มหรือมีกลิ่นเหม็นรุนแรงมากธ(สริมการ้ร้ทนาน:เพทิวริอาทารแล อาทิาริเสร้น  อุจจาระไม่มีสารอาหารที่ไม่ย่อยปนอยู่ด้วยถ้าหากว่าทางเดินของอาหารของคุณไม่ถึงกับดีเยียมอย่างในอุดมคติ ขอให้อ่านต่อไป1.   

ไฮโปคลอไฮเดรีย (hypochlohydria) ถ้าหากว่าคุณรู้สึกว่ามีอาหารเต็มกระเพาะอยู่นานเกิน 30 นาทีหลังกินอาหาร เป็นไปได้ว่าคุณมีกรดไฮโดรดลอริคไหลเวียนไม่มากพอ การทดสอบสมมุติฐานนี้ให้รับประทานมีเทน ไฮโดรคลอไรด์(betaine hydrochloride) รวมไปกับอาหารปกติด้วย 2 แคปซูล มีเทนไฮโดรคลอไรด์เป็นสารสะกัดจากหัวบี้ท มีขายตามร้านอาหารสุขภาพส่วนใหญ่    ถ้าหากว่าทานแล้วมีอาการดีขึ้น บาร์โหนราคา  แสดงว่าไฮโปคลอไฮเดรียเป็นปัญหาของคุณจริง ๆถ้าหากว่าอาการไม่ดีขึ้น ให้ทานเพิ่มอีก 1 เม็ด แล้วเพิ่มไปอีกเรื่อยๆ จนถึง 5 เม็ดถ้าหากว่ารู้สึกจุกเสียด ให้ลดยานี้ในมื้อกัดไป ถ้าหากว่าลดแล้วไม่ดีขึ้น ให้เลิกวิธีการนี้ไป เลย2.    ขาดเอ็นไซม์ในการย่อยในลำไส้ (pancreatic insufficiency) ถ้าหากว่าเป็นตะคริว จุกเสียดหรือรู้สึกว่า อาหารไม่ย่อย หรืออุจจาระเป็นมัน ก็อาจจะเป็นไปได้ว่าร่างกายผลิตเอ็นไซมีในการย่อยได้ไม่เพียงพอในการทำให้อาหารแตกตัวการเยียวยาโดยใช้เอ็นไชมีทดแทน ให้ใช้เอ็นไชมีการย่อยชื่อไบโอไชมี (BioZyme)หาซื้อได้จากบริษัทเอ็นไซเมติค เธราพี (Enzymatic Therapy 800-558-7372)ให้รับประทาน 2-3 บาร์โหนเพิ่มความสูง
  เม็ดควบไปกับอาหารทุกมื้อ หากว่าทานแล้วอาการดีขึ้นแสดงว่าคุณอาจจะ ต้องใช้เอ็นไชม์นี้ต่อไปอีกลักระ ยะหนึ่ง

3.     พยาธิกับแบคทีเรีย    พวกเราส่วนใหญ่มีสิ่งมีชีวิตอาศัยพักพิงอยู่ในลำไส้    บางคนอาจจะมีพยาธิและแบคทีเรียชนิดที่ก่อให้เกิดอันตรายอย่างร้ายแรงแก่เยื่อบุลำไส้ อย่างเช่นทำให้ไส้โปร่ง ทำให้เกิดอาการแพ้ขึ้นมาได้บรรพซนของเราคิดเทคนิคการถ่ายพยาธิขึ้นมาหลายอย่าง โดยใช้เทคนิคเหล่านี้ตามฤดูกาล เป็นด้นว่าอดอาหารโดยบริโภคยาระบาย หรือไม่ก็ใช้กระเทียมซะมันออกไปเป็นประจำ    การจะยืนยันให้รู้แน่ว่ามีปัญหานี้จริงหรือเปล่า จะต้องส่งตัวอย่างอุจจาระไปยังห้องแล็บซึ่งสามารถตวจหาจุลชีพนานาซนิดที่อาศัยอยู่ในเส้นทางเดินอาหารได้เปลี่ยนอาหารกินอาหารแบบคนสมัยก่อน มีอาหารมากมายหลายอย่างที่ได้รับการเชิดชูว่าเป็น “อาหารชั้นยอด”    แต่อาหารชั้นยอดชนิดที่เหมาะกับทุกคนเลยนั้น ไม่มีขอให้ระลึกถึงความหลากหลายมากมายอย่างน่าดื่มดรของคนห้าพันล้านคนในโลกนี้เราทุกคนล้วนแตกต่างกัน  บาร์โหนติดประตูราคาถูก อาหารแม็คโครไบโอติคอาจจะช่วยคนบางคนได้ แต่กับบางคน มันเป็นผลเสีย การจะทำความเข้าใจให้ถึงแก่นของอาหารสำหรับมนุษย์เราจะต้องนั้งไทม์มาชีนย้อนกลับไปสมัยเมื่อ 5000 ปีก่อน ไปพบกับบรรพซนที่เป็นพรานและคนเก็บของป่า เร่ร่อนไปทั่วโลกสมัยก่อนที่จะถึงกาลเริ่มต้นของยุคเกษตรกรรม จากการพิจารณาอาหารของสังคมบุรพกาลประกอบกับการค้นพบทางโบราณคดี นักวิจัยประเภทเดียวกับ “อินเดียน่า โจนส์” สมัยใหม่สามคน ก็ไต้ค้นพบข้อมูลเกี่ยวกับโภชนาการที่สำคัญที่สุดในศตวรรษที่ 20 32บรรพชนของเรากินอาหารที่ประกอบด้วยเนื้อเยื่อของสัตว์ที่ไม่อ้วนมันแยะประมาณ 1 ใน 3 ส่วนที่เหลืออิก 2 ใน 3 เป็นอาหารที่ได้จากพืชซึ่งไม่ได้ผ่านการแปรรูป ส่วนใหญ่เป็นผัก มีธัญพืชบ้าง ผลไม้บ้าง กับถั่วชนิดต่างๆ และเมล็ดพืชสัตว์ที่เป็นอาหารนั้น ถ้าหากว่าเป็นชนิดที่วิ่ง บินหรือว่ายนั้าได้ มันก็จะมีไขมันในตัวประมาณ 4% ยกเว้นเป็ดกับปลาแซลมอน ด้วยเหตุผลที่เห็นได้ชัดอยู่แล้ววัว ซึ่งเป็นเนื้อที่กินกันเป็นหลักในอเมริกา ไม่ไต้วิ่ง บินหรือว่ายนํ้า มีไขมันในร่างกายประมาณ 30-40 %    ลักษณาการอาจจะแตกต่างออกไปจากนื้ได้บ้างแต่อาหารหลักของบรรพซนของเรา เป็นอย่างที่กล่าวมา และนั้นเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีสำหรับอาหารต่อสู้โรคมะเร็งของเรา ทั้งการศึกษาต่างๆ และประสบการณ์ในการรักษาผู้ป่วยของผมเอง แสดงว่า อาหารที่มี'ไขมันตา ประกอบกับผักสดในปริมาณมาก จะช่วยปรับปรุงผลลัพธ์ของมะเร็ง ขอให้ดูกราฟแสดงถึงความแตกต่างระหว่างอาหารของคนอเมริกันสมัยใหม่ กับอาหาร “ที่โรงงานของเราผลิตขึ้นโดยเฉพาะ”    ขอให้สังเกตว่า เราเฉไฉออกไปจากอาหารของบรรพชนของเรามากเพียงไรขอให้ระลึกว่า คุณอาจจะต้อง “ปรับแต่ง” อุปกรณ์ลดหน้าท้อง  อาหารที่กินให้เข้ากับภูมิหลังด้านเชื้อชาติของคุณ คนที่พัฒนาตำรับอาหารแมีคโครไบโอติคขึ้นมาเป็นแพทย์     ชาวญี่ปุน ซึ่งรักษาตัวเองให้หายจากโรคมะเร็งในศตวรรษที่ 19 อาหารแม็คโครไบโอติคมีแนวโน้มที่จะส่งเสริมให้รับประทานสิ่งที่เป็นอาหารของชาวตะวันออก (แม้กระทั่งชีอิ๊วและผักดอง) และไม่สนับสนุนให้รับประทานอาหารที่เป็นแบบอย่างของชาวตะวันตก รวมทั้งไก่ ไก่งวง ปลาและผลไม้ ตำรับอาหารแม็คโครไบโอติคอาจจะเหมาะอย่างยิ่งสำหรับคนทางตะวันออกมากมาย และก็ช่วยคนคอเคเซียนมาบ้างแล้ว เพราะมันดีกว่าคุณภาพอาหารตามแบบฉบับของชาวอเมริกันมากมาย ผมสนับสนุนให้ทุกคนพิจารณาดูว่า บรรพชนของตัวเองเมื่อ5000 ปีก่อนทานอะไร แล้วใช้แบบอย่างอาหารอย่างนั้นเป็นจุดเริ่มต้นรักษาระดับนํ้าตาลให้คงที่ มะเร็งเป็นตัวกินนั้าตาลมีเอกสารทางวิชาการที่ชี้ซัดว่าระดับเมตาโบลิซึมของกลูโคสจะสูงขึ้นอย่างมาก ตอนที่มะเร็งลุกลาม นํ้าตาลส่งเสริมมะเร็งไต้หลายวิธี

บาร์โหน

วันพฤหัสบดีที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2559

ออกกำลังกายในเวลาใดที่เผาผลาญไขมันมากที่สุด พร้อมสร้างกล้ามเนื้อได้ในระยะเวลาอันสั้น






แท้ที่จริงมิได้หายไปไหน นายอารีย่ได้เข้าไปเป็นเสรีไทยสายของพล.ต.อ.หลวงอดุลยเดชจรัส ผู้ใช้นามแฝงว่า “พูเลา” โดยนายอารีย์จะรับนโยบายและแผนงานผ่านมาทาง พล.ต.ต.จำรัส มัณฑุกานนท์ผู้บังคับการสันติบาลในขณะนั้นไฟสงครามได้เผาผลาญ?วิตผู้คนมากมายเกินกว่าจะนับได้ถ้วน ยิ่งทรัพย์สินด้วยแล้วคงต้องเรียกว่าเหลือคณานับทีเดียวกว่าไฟนรกจะค่อยๆราลงหลังระเบิดปรมาญสองลูกลงถล่มสองเมืองของญี่ปุนราบเป็นหน้ากลไฟนรกขึ้นนายอารียักลับมาใหม่ คราวนี้กลับมาเป็นผู้อำนวยการ อง เหมือนเป็นการแก้แค้นคือตายกับตายสงครามเปิดฉากด้วยความตายกลาดเกลื่อนทั้งบนบก ในน้ำ หรือแม้แต่ในน่านฟ้า และเมื่อสันติภาพจะบังเกิดขื้นก็คือความตายเกินกว่า  จะนับเช่นเดียวกัน ผู้ก่อสงครามประสบความฟายแพ้ย่อยยับมิได้ยิ่งหย่อนไปกว่าเมื่อจุดบริษัทไทยพาณิชยการ จำกัด มีการออกหนังสือพิมพ์ฉบับบ่าย บาร์โหนราคาถูก สยามนิกร,ตามมาด้วยหนังสือเช้า-พิมพ์ไทย ที,เขย่าวงการหนังสือพิมพ์จนยอดจำหน่ายพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วด้วยการระดมสมองของนักหนังสือพิมพ์ทั้งเก่าและใหม่ทยอยกันเดินเข้าไปและเกิดหนังสือพิมพ์ในชื่อที่ได้กล่าวมาแล้วตามมาเป็นระยะๆที่จริงนั้น “สยามสมัย” เป็นนิตยสารที่ออกมาก่อนเพื่อน ในช่วงสงครามโลก กระดาษหายาก “สยามสมัย” ใช้กระดาษฟางมาพิมพ์ความยิ่งใหญ่ของค่ายสีลมนับวันจะขยายวงกว้างออกไปทุกขณะถือได้ว่าเป็นหนังสือพิมพ์ที่มียอดจำหน่ายสูงสุด“เดลิเมล์-รายวัน” เองก็ออกแรงวิ่งไล่กวดจนน่าชื่นใจว่า  โหนบาร์เพิ่มกล้าม หกเดือนให้หลังนั้นเดลิฌลํใล,ขึ้นมาจนได้ชื่อว่าเป็นที่สองแม้ว่าค่ายสี่พระยาจะมี

 “เดลิเมล์-วันจันทร์” ที่ขายดีมากเป็นอันดับหนึ่ง มี “เดลิเมล์รายวัน” และตามมาด้วย “เบื้องหลังข่าว” ก็ยังเทียบไม่ได้กับความหลากหลายของหนังสือในเครือ “ไทยพาณิชยการ จำกัด”มีรายงานในช่วงนั้นว่า พล.ต.อ.เผ่าไม,สิ้นความพยายาม ได้เจรจาที่จะซื้อกิจการทั้งหมดมาเป็นของตน แต่นายอาริยัที่ได้รับการปล่อยตัวก็ไม่ตกลง แล้วจุดระเบิดก็ตามมาในขณะเดียวกัน นายอารียัก้าวพ้นที่คุมขังออกมาได้ ๑๗ วันก็ตัดสินใจแต่งงานกับคุณกานดา โดยมิได้มีพิธีรีตองเอิกเกริก หรูหรา โดยมีกำหนดหรือตกลงกันว่า หลังการแต่งงานง่ายๆ เงียบๆ แล้วจะเดินทางไป“ฮันนีมูน” ที่หัวหินความพยายามของอธิบดีกรมตำรวจเผ่าดำเนินต่อไปอย่างเงียบๆเมื่อมีการติดต่อกับ “เจ้าพ่อเมืองกาญจน์” ซึ่งแน่นอนว่าคือบุคคลในเครื่องแบบนั่นเอง คำสังที่ออกมาคือ “เก็บ” นายอารียำ,น'วันเวลาที่-นายอารีย์พาเจ้าสาวมาฮันนีมูนที่หัวหิน“เจ้าพ่อ” ส่งสายสืบได้เรื่องว่าจะมาพักที่บังกะโลเนินทราย ต.หนองแก หัวหิน อย่างแน่นอน จึงสังให้ “ทีมส่าส์'งหาร” ได้รู้เรื่องและตรวจสอบอีกครั้งทีมล่าสังหารนี้ประกอบด้วย ส.ต.อ.ณรงค์, ส.ต.ต.เจริญ, ส.ต.ต.เฉลย, พลฯ ศรี และพลฯ ประเสริฐ ผู้ทำหน้าที่เป็นมือสังหารด้วยปีน “ลูกซองสัน” หรือ “คอลท์ตราควาย” โดยมืรถจี๊ป (ไม่ใช่ของตำรวจ) และรถบรรทุกเล็กอีกหนึ่งคันพลฯ ประเสริฐมีหน้าที่ตรวจสอบวันเวลาการเดินทาง ส.ต.อ.ณรงค์จึงแน่ใจได้ว่าตรงกันกับที่ “เจ้านาย” บอกมา พลฯ ประเสริฐเฉลียวใจถามว่าจะลงมือเมื่อใด ณรงค์บอกว่ารุ่งขึ้นจากวันที่มาถึงและลงมือในเวลาเช้า พลฯ ประเสริฐรีบปฏิเสธทันที“ผมไม,กล้ายิงกลางวันแสกๆ ผมขอเป็นคนดูต้นทางแล้วกัน”คำปฏิเสธของพลฯ ประเสริฐทำเอา ส.ต.อ.ณรงค์จ้องมองด้วยความไม่พอใจ บนเส้นทางอาชญากรการปฏิเสธ

 “ไฝกล้าทำ” ของพลฯ ประเสริฐทำให้ ส.ต.อ.ณรงคโกรธอย่างมาก เพราะนอกจากจะวางแผนไว้แล้ว คำลัง'จาก “เจ้านาย” หรือ“เจ้าพ่อเมืองกาญจน์” คำไหนเป็นคำนั้นเช้าวันรุ่งขึ้น รถจี๊ปกับรถบรรทุกเล็กซึ่ง พลฯ ประเสริฐเป็นคนขับก็ได้มาพบกันที่จุดนัดพบ ส.ต.อ.ณรงค์ชักซ้อมแบบคาดคั้นกับ พลฯประเสริฐ แต่ก็ไม่เป็นผล  เครื่องออกกำลังกายลดหน้าท้อง ตรงนั้นเป็นสีแยกของถนนที่จะแยกไปบ้านเนินทราย มีร้านขายของหนึ่งร้าน รถสองคันจอดไม,ห่างกันมากนักเมื่อพลฯ ประเสริฐไม่มืท่าทีจะยอมอ่อนลง ประกอบกับเวลาจะไม่อำนวยให้ ส.ต.อ.ณรงคํจึงตัดสินใจที่จะลงมือเสียเองเพียงแต่ลำทับเอากับพลฯ ประเสริฐว่า“ตกลงลื้อดูต้นทาง แต่ถ้าอั๊วกลับมาไม่เห็นลื้อ เจอกันเมื่อไหร่อั๊วเอาลื้อตายแน่” พูดแล้ว ส.ต.อ.ณรงค์ก็ก้าวขึ้นรถจี๊ป พลฯ ศรีหันมามองส.ต.อ.ณรงค์พยักหน้าเป็นเชิงให้ออกรถ พลฯ ศรีนำรถออก ลํวนพลฯประเสริฐมองตามไปบนรถที่เขาเป็นคนขับและนั่งอยู่คนเดียว เขาได้แต่มองตามอย่างไม่คลาดสายตา


บาร์โหน

วันอาทิตย์ที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

การก่อตัวของคำบัญชาในตำแหน่งคอลีฟะฮ์ที่สะกีฟะฮ์ ตอนที่ 1









ชีวิตที่ได้รับความโปรดปรานและยังคุณประโยชน์ของท่านศาสนทูตผู้สูงส่งในแต่ละชั่วขณะนั้น เต็มไปด้วยการปฏิบัติที่รุ่งโรจน์จนมาถึงจุดสิ้นสุดยุติ ผู้สถาปนาที่ยิงใหญ่แห่งอิสลาม ผู้เป็นดวงวิญญาณแห่งโลก ผู้ช่วยเหลือมนุษยชาติให้รอดพ้น ได้อำลาชีวิตและจากไปสู่ปริมณฑลอันเป็นนิรันดรการจากไปของท่านทำให้สัมพันธ์ระหว่างการวิวรณ์กับโลกนี้ถูกตัดขาดลงและการสำแดงออกแห่งสรวงสวรรค์ของสิ่งมีชีวิตที่ได้รับความโปรดปรานซึ่งได้รับการบันทึกไว้เหนือพลังอำนาจของมนุษย์นั้นได้จางหายไปตลอดกาลขอให้พระเจ้าทรงโปรดประทานพรแด,ท่านและครอบครัวด้วยเทอญร่างอันปริสุทธิ้ของท่านยังไม่ทันได้ฝังอะลีและสมาชิกในตระกูลบนีฮาชิมและสาวกจำนวนน้อยนิดของท่านศาสดา

กำลังสาละวนอยู่กับการอาบน้ำศพของท่านเพื่อเตรียมการฝังศพ พวกเขาและพวกเขากลุ่มเดียวเท่านั้นที่วุ่นอยู่กับกระแสลมที่พัดครั้งใหญ่และหน้าที่เร่งด่วนที่พวกเขาต้องกระทำ ณแทบจะเวลาเดียวกัน กลุ่มของผู้ช่วยเหลือ(อันศอร) ได้จัดการประชุมขึ้น ณ สถานที่ใกล้ๆ กันรู้จักในชื่อสะกีฟะฮ์ อัล บะนืซะดียะฮ์ เพื่อจัดการ  เรื่องผู้สืบทอดของท่านศาสดาให้สอดคล้องกับความต้องการของพวกเขาอยู่อุมัรจึงรีบส่งสารไปยังอบูบักร ซึ่งขณะนั้นอยู่ที่บ้านของท่านศาสดาแจ้งข่าวให้เขาไปสมทบ อบูบักรตระหนักว่าบางสิ่งที่สำคัญกำลังจะเกิดขึ้น จึงรีบออกจากบ้านท่านศาสดาพร้อมด้วยอุมัรมายังสถานที,ประชุมของผู้ช่วยเหลือโดยสมทบกับอบูอุบัยดะฮ์อัลญัรรอฮ์ ระหว่างทาง อะฮ์มัด อะมีน นักเขียนชุนนีชาวอียิปต์ผู้มีชื่อเสียงซึ่งมีทัศนะคติเป็นลบต่อชีอะฮํถึงขั้นรุนแรง ขายบาร์โหนออกกำลังกาย เขียนไว้ดังต่อไปนี้ว่า"สาวกของท่านศาสดามีหมางใจเกี่ยวกับคำถามของผู้สืบทอด เป็นสัญลักษณ์ความไม่น่าเคารพที่รื่มโต้เถียงกันเกี่ยวกับเรื่องนี้ทั้งที่ร่างของท่านยังไม่ได้รับการฝัง มีเพียงอะลี บุตรอบีฏอลิบเท่านั้นที่ไม่ได้กระทำไปตามนั้นแต่สาละวนอยู่กับการอาบนั้าชำระร่างกาย ห่อและฝังร่างของท่าน สาวกขั้นนำของท่านศาสดาล้วนแล้วแต่คบคิดกันเกี่ยวกับตำแหน่งผู้สืบทอด พวกเขาละทิ้งร่างของท่านศาสดา และไม่มีใครปรากฏตัว ณ สถานที่ฝังศพ หรือแสดงความคารวะใดๆ ต่อผู้ที่นำทางและนำพวกเขาออกจากความมืดมนและความเขลา ยกเว้นอะลี บุตรอบีฏอลิบและครอบครัวของท่าน พวกเขาไม่แม้แต่จะรอการฝังศพให้เกิดขึ้นก่อนจะเริ่มการต่อล้ซึ่งกันและกัน"







 ในที่สุดกลุ่มต่างๆ ต่างก็ไปไกลในการในการโต้เถียงในส่วนของตนที่สะถีฟะฮ์บรรดาผู้ช่วยเหลืออ้างอภิลิทธิ้ที่ต้องยอมรับที่พวกเขาเป็นผู้ล้ำหน้ากว่าผู้อื่นในอิสลามได้รับการให้เกียรติจากท่านศาลนทูตแห่งพระเจ้าและต่อล้อย่างหนักเพื่ออิสลาม จากสิ่งนี้พวกเขาจึงอ้างตำแหน่งผู้นำ พวกเขาแนะนำว่าบังเหียนผู้นำควรจะมอบให้สะอัด บุตรอุบาดะฮ์และตัวเขาถูกนำมายังสะถีฟะฮ์ถึงแม้ว่าจะปวยก็ตามในกรณีคล้ายกันบรรดาผู้อพยพอ้างว่า พวกเขาคือผู้ที่สมควรได้รับตำแหน่งผู้นำมากที่สุดโดยให้ข้อเท็จจริงว่าพวกเขามาจากเมืองเดียวกับท่านศาสดาและละทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างมา เพื่ออิสลาม และท่านศาสดาตรรกะของทั้งสองกลุ่มได้รับมาจากส่วนที่ขาดเสียไม,ได้ของจิตวิญญาณประจำเผ่า โดยที่พวกเขาตัดสินใจให้ใต้มาซึ่งอำนาจผูกขาดสำหรับตัวเอง ขับคู่ต่อ!ของตนออกไป และประณามว่ามีความเหมาะสมน้อยกว่า การโต้เถียงยังคงดำเนินต่อไป และเปลี่ยนเป็นความขัดแย้งที่รุนแรงกลุ่มที่นำโดยอุม้รสนับลนุนการกล่าวอ้างของอบูบักร กระตุ้นทุกคนให้อนุญาตให้เขาให้สัตยบันและฃ่มขู่ทุกคนที่ต่อต้านเขาดังนั้นอบูบักรจึงยืนขึ้นและเรํ่มอธิบายคุณความดีของบรรดาผู้อพยพและการรับใช้ที่พวกเขาปฏิบัติ"ผู้อพยพคือกลุ่มแรกที่เข้ารับอิสลาม บาร์โหนเพิ่มกล้าม แม้ประสบกับสภาวะการณ์ที่ยากลำบาก ก็ยังคงรักษาการนับถือพระเจ้าองค์เดียวไว้ แม้ว่าจะมีความกดดันจากกพวกตั้งภาคีก็ตาม โดยทั่วไปไม่ควรจะลืมว่าท่านทั้งหลาย โอ้บรรดาผู้ช่วย เหลือ เอ๋ย ก็ได้ให้การช่วยเหลืออิสลามอย่างยิ่งใหญ่ และหลังจากบรรดาสาวกของท่านศาสดา พวกท่านคือผู้ที่มีฐานันดรสูงสุดเหนือผู้อื่น" เขาเสริมว่า "เราจึงต้องเป็นผู้ปกครอง (อุมารออ) และพวกท่านเป็นผู้ช่วยเหลือ (วุซะรออ์)"ฮุบาบ บุตร มุนซิร จึงยืนขึ้นแล้วกล่าวว่า "โอ้บรรดาผู้ช่วยเหลือ พวกท่านจะต้องฉวยเอาบังเหียนแห่งอำนาจไว้ให้มั่นคง เพื่อว่าจะ1ไม่มีผู้ใดสามารถต่อต้านพวกท่านได้ ถ้าท่านยอมให้มีความขัดแย้งในหมู่พวกท่านพวกท่านจะฟายแพ้ ด้วยเหตุผลว่า ถ้าพวกท่านเลือกผู้นำของพวกท่านพวกเขาก็จะเลือกผู้นำของพวกเขา"จากคำพูดนี้อุมัรตอบ'ว่า "ไม,สามารถมีผู้นำสองคนในอาณาจักรเดียวฉันขอลาบานต่อพระเจ้าว่าอาหรับจะไม่มีวันยอมที่จะถูกปกครองโดยท่านเนื่องจากท่านศาสดาไม่ได้มาจากพวกท่าน การอ้างเหตุผลของเรามีความ   แข็งแรงและชัดเจน เราคือสาวกของฟานศาสดา ศาสนาอิสลาม ดังนั้นใครเล่าจะต่อต้านเรานอกจากผู้ที่เลือกหนทางอันผิดพลาดหรือหวังที่จะขว้างตัวเองลงไปในวังนั้าวนแห่งความหายนะ"ฮุบาบ บุตรมุนซิร จึงยืนขึ้นอีกครั้งหนึ่งและกล่าวว่า "อย่าให้ความสนใจในสิ่งที่ชายผู้นี้พูด พวกเขาต้องการช่วงชิงสิทธิ้และปฏิเสธข้ออ้างของพวกท่าน จงยึดบังเหียนของอำนาจไว้ในมือพวกท่าน และขับไล่ฝ่ายต่อต้านพวกท่านไป ด้วยพวกท่านมีความเหมาะสมที่สุดที่จะปกครอง ถ้าผู้ใดต่อต้านการนำเสนอของฉัน ฉันจะควาเขาเสียด้วยดาบของฉัน" จากนั้นอุมัรัได้เข้ามาปล้ำกับเขาและเตะเข้าอย่างแรงที่ท้อง บะชีร บุตรสะอัด ญาติของสะอัด บุตรอุบาดะฮ์ลุกขึ้นกล่าวสนับสนุนสิ่งที่อุมัรกล่าว โดยกล่าวกับบรรดาผู้ช่วยเหลือว่า "เป็นความจริงที่ว่าสถิติในการต่อส์ในหนทางของพระเจ้าและการแผ่ขยายอิสลามของเรามีความเหนือกว่า อย่าง1ไรก็ตามเรามิ1ได้มี1วัตถุประสงค์อื่น'ใด นอกจากความโปรดปรานของพระเจ้า และความพึงพอใจของท่านศาสดาแห่งพระองค์ และเพราะฉะนั้นจึงไม่เหมาะสมที่เราจะประกาศนำหน้าผู้อื่น บาร์โหนเหล็ก  เนื่องจากเราไม่มีวัตถุประสงค์ทางโลก ท่านศาสดามาจากตระกูลกุเรช เพราะฉะนั้นจึงเป็นที่เหมาะสมที่ผู้สืบทอดของท่าน จะอยู่ในหมู่พวกเขา จงเกรงกลัวพระเจ้าและอย่าต่อต้านหรือโต้เถียงพวกเขา',หลังการอภิปรายถกเถียงกันต่อมาอีกระยะหนึ่ง อบูบักรได้กล่าวกับประชาชนดังต่อไปนี้"จงหลีกเลี่ยงความขัดแย้งและการแตกแยก ฉันไม่ต้องการสิ่งใดนอกจากความกินดีอยู่ดีและมั่นคงในชีวิตของพวกท่าน เป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่จะให้สัตยาบันของท่านแก่อุมัร หรืออบูอุบัยดะฮ์"อย่างไรก็ตามจากข้อเสนอนี้ อุมัรคัดค้านว่า

 "ท่านมีความน่าสรรเสริญในการปกครองมากว่าเรา ด้วยท่านมีความล้าหน้าเราเสมอในการดำเนินตามท่านศาสดา นอกจากนี้ แหล่งทรัพย์สินของท่านยังมีมากมายกว่าพวกเราทั้งหมด ท่านอยู่เคียงข้างท่านศาสดาในถํ้าภูเขาซูร และท่านนำละมาดแทนท่าน ทั้งหมดนี้ ใครอีกเล่าจะจินตนาการว่ามีความเหมาะสมมากกว่าท่าน ในการเป็นผู้ปครองเหนือเรา"หลังจากนั้นอับดุรเราะฮ์มาน บุตรเอาวฟ้ได้นำเสนอทัศนะของตัวเองดังต่อไปนี้"โอ้บรรดาผู้ช่วยเหลือ จรงๆ แล้วพวกท่านมีคุณสมบัติแห่งคุณงามความดีมากมาย ซึ่งไม่มีใครสามารถปฏิเสธได้ อย่างไรก็ตามพวกท่านต้องยอมรับว่าในหมู่สาวกของท่านศาสดาไม,มีใครลํ้าหน้าอบูบบักรอุมัรและอะลี"มุนซิรบุตรอัรกอมสนับสนุนทัศนะของเขา"ไม่ใครสามารถปฏิเสธคุณงามความดีของทั้งสามคนได้ และมีหนึ่งในสามคนที่ไม่มีใครต่อต้านเขาได้เป็นผู้ได้รับการสันนิษฐานว่าเป็นผู้นำแห่งประชาคมมุสลิม " ด้วยคำพูดนี้เขาหมายถึงอะลื บุตรอบีฏอลิบ และกลุ่มของผู้ช่วยเหลือ มีการประกาศที่สอดคล้องกันว่า "เราจะไม่ให้สัตยาบันใครนอกจากต่ออะลี" อุมัรเคยระลึกว่า การประกาศนี้ทำให้เขากลัวความไม่เห็นด้วยอย่างรุนแรงเป็นระลอก "ดังนั้นฉันจึงบอกอบูบักรให้นำมือมาให้ฉันลับเพื่อให้ลัตยาบัน"  บาร์โหนยืดตัว โดยปราศจากการรั้งรออบูบักรได้ยื่นมือออกมา ในตอนแรกบะซีร บุตรสะอัดก้าวออกมาข้างหน้าลับมือเขาและให้สัตยาบัน และอุมัรเป็นผู้ให้สัตยาบันคนต่อมา จากนั้นคนอื่นๆ จึงรีบเร่งออกมาและให้สัตยบันต่ออบูบักร ในขณะที่เหตุการณ์นี้ดำเนินไป การโต้เถียงระหว่างอุมัรกับสะอัดบุตรอุบาดะฮ์ก็เกิดขึ้น ทำให้อบูบักรตระหนักถึงความจำเป็นจะต้องทำให้อุมัรประกาศตัวเขาเอง สะอัดบอกให้พรรคพวกนำตัวเขาออกไป ดังนั้นพวกขาจึงแบกสะอัดออกกลับไปบ้าน

บาร์โหนสำเร็จรูป

วันพฤหัสบดีที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2559

ความรู้สึก ความนึกคิด เป็นสิ่งที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิด

บทที่แล้วเราได้รู้เกี่ยวกับคำพูดที่ฟังแล้วคนอื่นประทับใจ แต่ในบทนี้ฃอกล่าวถึงคำพูดที่ทำให้คนอื่นรู้สึกไม่ดีกับสิ่งที่เราพูดหรือว่ากล่าวออกไปนั่นเอง ซึ่งเป็นคำพูดที่เราไม่ควรกล่าวหรือออกจากปากของเรา ยกเว้นว่าเราจะทำให้คนที่เราพูดไม่ชอบหน้าเรา คำพูดที่ทำให้คนเสียความรู้สึก หรือรู้สึก'ไม่ดีก็อย่างเช่น“พบนะเก่งกว่าพวกนั้นอีก”ถ้าเป็นในสังคมอื่นๆ คำพูดอย่างนี้อาจจะเป็นคำพูดที่แสดงความมั่นใจในตัวเอง แต่ในสังคมไทยที่ชื่นชอบคนที่อ่อนน้อมถ่อมตนมากกว่า ก็ย่อมจะไม่ชอบคำพูดที่แสดงออกถึงการยกตนข่มท่านอย่างนี้ ไม่ว่าจะเป็น “ทำ'ได้แค่นี้เองเหรอ ถ้าเป็นผมทำได้ดีกว่านี้ครับ” บางครั้งคำพูดเหล่านี้ฟังครั้งแรกอาจจะไม่ได้คิดอะไร แต่หากฟังบ่อยๆคนอื่นก็อาจจะหมั่นไส้และพานไม่ชอบขี้หน้าเอาเสียได้“โหนบาร์ให้กล้ามขึ้น เรื่องแค่นก็ทำไม'ได้,’เราอาจจะเก่งกล้าสามารถ สามารถทำอะไรได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ แต่เราอย่าลืมว่าแต่ละคนนั้นไฝเหมือนกัน มาตรฐานและความสามารถนั้นมีความแตกต่างกัน ด้งนั้นเราจึงไม่ควรเอามาตรฐานของเราไปใช้กับคนอื่น หากว่าเขาทำไฝสำเร็จเราอาจจะยื่นมือเช้าไปช่วยเหลือ หรืออาจจะให้คำปรึกษาแทน เพื่อให้เขารู้สึกดีกับเราและเพื่อให้เขามั่นใจในความสามารถของเขามากขึ้น เพราะหากว่าเราไปว่ากล่าวดูถูกแล้ว นอกจากเขาจะ รู้สึกไฝดีกับเราแล้ว เขายังสูญเสียความมั่นใจในตัวเองอีกด้วย“ดูชุดคุณ...สิ ตลกจังเลย”นอกจากคำพูดที่ดูถูกคู'สนทนาแล้ว การพูดจาดูถูกคนอื่น ก็เป็นการลดเสน่ห์ของเราได้อีกด้วย เพราะคำพูดที่ว่าร้ายผู้อื่นด้วยคำที่น่าเกลียด พลอยทำให้เราดูน่าเกลียดตามคำพูดไปด้วย และหากว่าคู่สนทนาของเราไม่ได้เห็นว่าเราดีไปกว่าคนที่เราดูถูกเท่าไร เขาก็'จะคิดุดูถูก บาร์โหนเพิ่มความสูง หรือว่าค่อนขอดเราได้ ดังนั้นหากว่าเราคิดหัวเราะหรือว่าดูถูกใครในใจก็ให้หยุด และไฝต้องพูดออกมา ส่วนหากว่าใครพูดจาดูถูกให้เราได้ยิน ก็ให้เราควรจะถอยห่าง เพราะคล้อยหลังเราไปเขาก็อาจจะดูถูกหรือว่านินทาเราได้นั่นเอง“ชีวิตพมนะ...”หากว่าเราเอาแต่เล่าประวัติชีวิตของเรา พล่ามยาวตั้งแต่ความ  ยากลำบากในวัยเด็กจนกระทั่งโต ก็ย่อมจะเป็นทีน่าเบือของคนทัวๆไป เพราะไม่มีใครอยากจะรู้ประวัติของเราหรอก เพราะมันไม่น่าสนใจสักเท่าไร ยกเว้นว่าเราจะเป็นดารา หรือว่าบุคคลที่มีชื่อเสียง แต่อย่างไรก็ดี หากว่าเราจะเล่าเรื่องของตัวเองก็ควรจะเป็นเรื่องสั้นๆ ที่สนุกสนานหรืออยู่ในหัวฃ้อที่พูดคุยกันอยู่จะดีกว่า หรืออาจจะเล่าเมื่อมีคนสนใจถาม บาร์โหนเหล็ก ก็จะเป็นการดีกว่า และอย่าผูกขาดการสนทนาเพียงลำพัง เพราะจะทำให้คู่สนทนาเกิดความเบื่อหน่ายได้คำพูดต่างๆ เหล่านี้นอกจากจะเป็นคำพูดที่ขาดเสน่ห์แล้ว ยังเป็นคำพูดที่ไล่คนอีกต่างหาก เพราะหากว่าเราพูดอย่างนี้บ่อยเข้า ก็จะกลายเป็นว่าไม่มีใครจะมายุ่งกล้ามเนื้อหรือว่าอยากจะพูดคุยด้วย ทางที่ดีเราควรหลีกเลี่ยงการพูดดังที่กล่าวมาจะดีกว่า


                                              
ขายบาร์โหนราคาถูก

วันอังคารที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2559

การปลดปล่อยดวงวิญญาณ ด้วยคาถาอาคม อันศักดิ์สิทธ์







เมื่อดวงวิญญาณทหารลาวนิรนามยังไม่ยอมไปเกิด จึงเกิดเรื่องชวนขนลุกพองสยองขวัญขึ้น กรรมจึงมาตกที่ชาวโคราชละแวกนั้น เมื่อมาจับกบจับเขียดและปลาที่ทุ่งส้มฤทธ งานเข้าแล้วเจอผีฑหารลาวนิรนามปรากฏตัวหลอกในรูปลักษณ์ที่ต่างกันไปตามแต่ผีตนไหนจะตายอย่างไร อาทิเช่น
ผีบางตนคอขาดห้อยร่องแร่ง
ผีบางตนคอขาดสะบั้น เหลือแต่ตัว
ผีบางตนแขนขาด ขาขาด
ผีบางตนไส้ทะลักออกมาห้อยร่องแร่ง
ผีบางตนดาบและหอกยังปักอยู่บนตัวเลือดเกรอะกรัง
ผีบางตนตาถลนออกมานอกเบ้า
ผี เชือกกระโดดราคาถูก

และลักษณะอื่นๆ เป็นตัน สุดจะที่พรรณนาอธิบายได้ผีทหารลาวนิรนามแต่ละตน บ่งบอกถึงความเคียดแค้นคนไทยมาก ส่งเสียงคำรามขู่จะเอาชีวิตชาวบ้านที่มาจับกบจับเขียดในบริเวณทุ่งส้มฤทธ แค่ปรากฏตัวหลอกชาวบ้านก็กลัวขี้หดตดหายกันแล้ว นี่ยังมาขู่คำรามจะฆ่าทุกคน ที่เข้ามาในทุ่งล้มฤทธี้หมดทุกราย ทำเอาชาวบ้านพากันแตกฮือ วิ่งหนีผีทหารลาวนิรนามสุดชีวิต สะดุดขาตัวเองบ้าง สะดุดสิ่งกีดขวางหกล้ม ล้มลุกคลุกคลาน นอนแช่นํ้าฝนอลหม่านแต่ชาวบ้านทุกคนก็รอดกลับบ้านได้ไม่มีใครถูกผีทหารลาวนิรนามฆ่าล้กราย แต่ถึงกระนั้นชาวบ้านก็ไม่เข็ดหลาบ แม้จะมีความกลัวผีมากแค่ไหนก็ตาม แต่เพื่อปากท้องของตนและครอบครัวจำต้องเสี่ยงชีวิต ไปจับกบจับเขียดที่ทุ่งล้มฤทธิ้กันอยู่ หลังจากที่เคย
โดน ลดน้ำหนัก ผีหลอกที่ทุ่งล้มฤฑขี้ คราวนี้ทุกคนป้องกันตัวดี มีพระเครื่องและเครื่องรางของขลังพกติดตัวไปด้วย เพื่อป้องกันผีหลอกนั้นเองและบางคืนซาวบ้านจะไม่เห็นตัวตนของผีทหารลาวนิรนามปรากฏตัว แต่จะได้ยินเสียงการต่อสู้กัน

พร้อมกับเสียงร้องครวญคราง เชือกกระโดดไร้สาย โหยหวนตังแว่วมา ชาวบ้านต้องคอยระวังตัวตลอดเวลาที่อยู่ในทุ่งล้มฤฑธิ้หากเผลอเมื่อไรอาจมีผีฑหารลาวนิรนาม มายืนแหกปากฉีกหน้าอกหลอกกันจะจะ มีหวังเป็นลมสลบแน่ แม้จะมีของดีคุ้มกันตัวก็ตาม ถ้าผีม้นจะหน้าด้านหลอกเสียอย่าง ย่อมหนีไม่พ้นเงื้อมมือมันแน่ ทางที่ดีควรระวังตัวไว้จะเหมาะดีนักลุงชัยเล่าว่า มีอยู่คืนหนึ่งแกกับปัาเปงไปจับกบจับเขียดที่ทุ่งสัมฤฑธิ้ มีเพื่อนบ้านไปด้วยกันหลายสิบคน คนเยอะ1ขนาดนี้ผี'ไม่น่าจะกล้าหลอกแน่ๆ นั่นเป็นความคิดของแกกับเพื่อนบ้าน จึงพากันยกโขยงไปเป็นหมู่คณะมีอะไรจะได้ช่วยกันได้ปรากฏว่าพอเจอผีหลอกกันจริงๆ ต่างคนต่างวิ่งหนีกันเอาตัวรอด เชือกกระโดดนับรอบ  แกกับเมียวิ่งหนีกันสุดชีวิต ไม่มีครั้งไหนจะวิ่งเร็วเท่าครั้งนี้นึ่แค่มันมาปรากฏยืนอยู่เฉยๆ ยังไม่ได้ลงมือหลอก ยังขวัญหนีดีฝ่อวิ่งหนีกันจ้าละหวั่น ผีที่ทุ่งสัมฤทธิ้เฮี้ยนสุดๆ ใครไปตอนกลางคืนเจอดีโดนหลอกทุกราย แม้แต่พระสงฆ์จากแดนไกลมาปักกลด ที่ทุ่งล้มฤฑธี้ยังเจอดีโดนผีทหารลาวนิรนามหลอกเรื่องนี้แก'ไม่เคยเห็นพระโดนผีที่ทุ่งสัมฤทธิ้'หลอก หากแต่ได้ยินเพื่อนบ้านที่เห็นนำมาเล่าให้ฟัง เท็จจริงประการใดนั่นแกฟังหูไว้หูลุงชัยเล่าว่า มีพระชื่อหลวงพี่บุญถา ถาวรโร เป็นพระมาจากบ้านเหล่าสวนปอ อำเภออ้อมน้อย

 (ปัจจุบันเป็นอำเภอเกษตรวิสัย) จังหวัดร้อยเอ็ดอาวุธสามัญท่านเดินธุดงค์รอนแรมมาหาสัจธรรม และปลีกวิเวกหาความสงบแก่ชีวิตของกิจของสงฆ์ มายังเป้าหมายคือเทือกเขาดงพญาเย็นสมัยนั่น ใช้เวลาเดินทางรอนแรมจากวัดบ้านเกิดมาจังหวัดโคราชหลายเพลา จนมามืดคาที่ทุ่งสัมฤทธแดน มิคสัญญี สถานที่เคยเป็นสนามรบ  ระหว่างคนโคราชกับทหารลาว จากเวียงจันทน์ มีศพทั้งสองฝ่ายล้มตายเกลื่อนทุ่งล้มฤทธ หลวงพี่บุญถาได้ปักกลดอยู่ ที่ทุ่งล้มฤทธึ๋ตามลำพังรูปเดียวเลย ๓ ทุ่มไปเท่านั้นแหละได้เรื่อง หลวงพี่บุญถางานเข้าเกิดอาเพศอาถรรพณ์ขึ้น อยู่ๆ มีลมพัดกระโชกมาแรงมาก จนกลดที่ปักไว้แทบจะหลุดลอยไปตามลม พร้อมกับมีเสียงประหลาดร้องครวญครางโหยหวนมากับสายลม ท่านมองออกไปข้างนอกกลด เชือกกระโดดสีชมพู ห่างกันหลายสิบวา เห็นเงาตะคุ่มจำนวนมากยืนออกันอยู่ หลวงพี่บุญถาเห็นเงาเหล่านั้นย้งขนลุกเกรียว จากประสบการณ์ที่ท่านเจอเรื่องเลวร้ายมานับไม่ถ้วนย่อมจะรู้ดีว่า ลมและเสียงลึกลับนี้ไม่ได้เกิดจากธรรมชาติ หากแต่เกิดจากอำนาจของภูตผีวิญญาณสำแดงเดชให้ปรากฏท่านต้องหยุดยั้งอำนาจลึกลับนี้ให้สงบจงได้ จึงนั่งสมาธิแผ่เมตตาจิตไปให้พวกเขา แต่พวกเขายังมิยอมหยุดกระทำ ยังคงโหมกระหนั้าฤทธี้เดชถาโถม1ใส่ท่านอีก แผ่เมตตาจิตก็แล้ว อุทิศส่วนกุศลให้ก็แล้ว ยังรังควานกันอีก ท่านจึงตัดสินใจใชไม้ตาย บริกรรมพระเวทหลายบทจนครบคาบ จึงเป่าลมปราณอาคมไปรอบๆ ตัวเท่านั้นแหละมีเสียงร้องโอดโอย เหมือนจะได้รับบาดเจ็บ ก่อนเสียงเหล่านั้นจะจางหายไป บัดนั้นบริเวณรอบกลดในทุ่งล้มฤทธิ้ เหลือแต่ความเงียบสงบมาแทน

วิธีกระโดดเชือก